วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2550
Key Word
Tansister a small electronic device used in computers, radios, televisions
Integrated circuit which many different parts are closely connected and work successfully together
Vcuum tube a space that is completely empty of all substances, including all air or other gas
Minicomputer a computer that is smaller and slower than a MAINFRAME but larger and faster than a MICROCOMPUTER
Microcomputer a small computer that contains a MICROPROCESSOR
Internet an internet national computer NETWORK connecting other NETWORKS and computers from companies
Ram the abbreviation for 'random access memory'(computer memmory in which data can be looked at in any roder)
Network a complicated system of roads, lines,tubenerves,that cross each other and are connected to each other
Programmable able to accept instruction that control how it operates or functions
Hard drive a device for storing information on a computer
Operating system a set of programs that controls the way a computer worka and runs other programs
IBM connected with or involving two or more countries
Floppy device for storing information on a computer
Mouse a small device that is moved by hand across a surface to control the movement of the CURSOR on a computer scren
Key board thuiset of operating a omputer or TYPEWRITER
Gui the way a computer program presents information to use or receives information from a user
Molibile computer able to move or travel around easily the fact of using computers
วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2550
อินิแอก
วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2550
ENIAC
The contract was signed on June 5, 1943 and Project PX was constructed by the University of Pennsylvania's Moore School of Electrical Engineering from July, 1943. It was unveiled on February 14, 1946 at Penn, having cost almost $500,000. ENIAC was shut down on November 9, 1946 for a refurbishment and a memory upgrade, and was transferred to Aberdeen Proving Ground, Maryland in 1947. There, on July 29 of that year, it was turned on and would be in continuous operation until 11:45 p.m. on October 2, 1955.
ENIAC was conceived and designed by John Mauchly and J. Presper Eckert of the University of Pennsylvania. For a variety of reasons (including Mauchly's June 1941 examination of the Atanasoff-Berry Computer, prototyped in 1939 by John Atanasoff and Clifford Berry), the patent for the ENIAC, granted in 1964, was voided by the 1973 decision of the landmark federal court case Honeywell v. Sperry Rand, putting the invention of the electronic digital computer in the public domain and providing legal recognition to Atanasoff as the inventor of the electronic digital computer.
ประวัติคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลก
คอมพิวเตอร์ที่เกิดขึ้นในยุคนี้เราเรียกว่า ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ได้แก่ เหล่าสิ่งประดิษฐ์และเครื่องจักรกลที่ช่วยการคำนวนที่ยังไม่ได้นำความสามารถทางอเล็กทรอนิกส์มาใช้ ซึ่งเราขอกล่าวสรุปถึงชื่อนักวิทยาศาสตร์ที่มีความสำคัญต่อการกำเนิดคอมพิวเตอร์
ในปี ค.ศ. 1642 Blaise Pascal นักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศสได้ผลิตเครื่องบวกเลขขึ้น โดยใช้หลักการของการหมุนของฟันเฟือง และการทดแทนเลข เมื่อฟันเฟืองหมุนไปครบรอบ โดยแสดงตัวเลขจาก 0-9 โชว์บอกที่หน้าปัด ซึ่งมีเลขอยู่ 8 หลัก สิ่งประดิษฐ์ที่ว่านี้เรียกว่า Pascaline Calculator
ในปี ค.ศ. 1671 นักปรัชญาชาวเยอรมันคือ Softfriend Wilhelm von Leibniz ได้ปรับปรุงเครื่องคิดเลข Pascal ให้ทำงานได้คล่องตัวโดยไม่ติดขัด และยังสามารถทำการคูณและหารได้ด้วยหลักของการบวก (และลบ) กันหลาย ๆ ครั้ง
Charles Babbage ศาสตราจารย์ทางคณิตศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยแคมบริดจ์ได้ประดิษฐ์เครื่อง Difference engine ขึ้นในปี ค.ศ. 1822 เพื่อใช้ในการคำนวณค่าโพลิโนเนียล (Polynomial) จากนั้นเขาก็ได้หันเหไปประดิษฐ์เครื่อง Analytical engine ซึ่งนับว่าเป็นต้นแบบของเครื่องคอมพิวเตอร์อเนกประสงค์
ในปี ค.ศ. 1896 Hollerith ได้ตั้งบริษัท Tabulating Machine Company เพื่อขายเครื่องจักร และบัตรเจาะรู เพื่อใช้งานทางด้านธุรกิจ่างๆ และในปัจจุบันบริษัทของ Hollerith นี้ก็คือส่วนหนึ่งของบริษัทไอบีเอ็ม
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น George Boole นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ ได้คิดระบบพีชคณิตแบบใหม่ได้แก่ Boolean Alyebra ซึ่งใช้อธิบายหลักเหตุผลทางตรรกวิทยาโดยใช้สภาวะเพียงสองอย่างคือ 1 และ 0 ร่วมกับเครื่องหมายในเชิงตรรกะพื้นฐาน
กำเนิดเครื่องคอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์
เครื่องมือทั้งลายที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาในยุคก่อนประวัติศาสตร์ของคอมพิวเตอร์ล้วนเป็นเครื่องจักรซึ่งประกอบด้วยฟันเฟือง คาน ลูกรอก ซึ่งส่วนมากมีขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก จึงทำให้การทำงานมีความช้าและผิดพลาดอยู่เสมอ ดังนั้นในยุคต่อมาของกำเนิดคอมพิวเตอร์จึงเป็นการคิดค้นที่หันเข้าสู่เครื่องจักรที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักน้อยลง
ในปี ค.ศ. 1931 Howard H.Aiken ได้เริ่มพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นที่มหาลัยฮาร์วาร์ด โดยอาศัยแนวคิดของบัตรเจาะรูเป็นสื่อนำข้อมูลเข้า พร้อมด้วยการทำงานแบบเครื่องจักรกลไฟฟ้า และการพัฒนาดังกล่าวนี้ได้เสร็จสิ้นลงในปี ค.ศ. 1944 ภายใต้การสนับสนุนด้านการเงิน และบุคลากรจากไอบีเอ็ม Mark I จึงมีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า IBM. Automatic Setwence Controlled Calculator
ในปี ค.ศ. 1939 Dr. John V. Atansoft นักฟิสิกส์แห่ง iowa state college ได้สร้างผลงานชิ้นสำคัญแก่วงการคอมพิวเตอร์ แต่ผลงานมักจะถูกหลงลืมและไม่ได้เป็นที่กล่าวขวัญถึงบ่อยนัก อย่างไรก็ดีผลงานของ Atanasoft ซึ่งเรียกว่า ABC หรือ Atanasoft-Berry Computer ถือได้ว่าเป็นเครื่องดิจิตอลคอมพิวเตอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องแรกของ โดยได้นำหลอดสูญญากาศ (acaum tube) มาใช้แทนเครื่องจักรกลไฟฟ้า
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 1 (ค.ศ. 1951 – 1958)
Eckert และ Mauchly ผู้พัมนาเครื่อง ENIAC นั้นนอกจากจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ดีและยังมีหัวทางธุรกิจด้วย โดยเขาทั้งสองได้จัดตั้งบริษัท Eckert – Mxachly Computer Corporation ขึ้นเพื่อเผยแพร่ความจริงว่าคอมพิวเตอร์สามารถถูกพัฒนาขึ้นเพื่อนำมาใช้ในงานอื่นๆ
ในปี ค.ศ. 1950 เขาได้ขายธุรกิจของเขาให้แก่บริษัท Remington Rand Corporation ซึ่งได้สร้างเครื่อง UNIVAC I ขึ้นมาใช้ในการสำรวจสำมะโนประชากรประจำปี ค.ศ. 1951 จึงนับได้ว่า UNIVAC I เป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกที่ถูกใช้งานในเชิงธุรกิจ
วิวัฒนาการในยุคต่างๆ มาของคอมพิวเตอร์อยู่ที่ก้าวหน้าทางอุปกรณ์อิเล็กทรอกนิกส์และคิดค้นวิธีการสร้างหน่วยความจำแบบต่างๆ ระบบหน่วยความจำที่เกิดขึ้นและนำมาใช้ในเครื่อง UNINAC II คือ การใช้วงแหวนแม่เหล็ก (haynetic core) ซึ่งนับเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ และนำมาใช้เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมในคอมพิวเตอร์ยุคที่ 2
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 2 (ค.ศ. 1959- 1964)
เทคโนโลยีที่ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของคอมพิวเตอร์ยุคที่สอง ได้แก่ อุปกรณ์
ที่เรียกว่า “ทรานซิสเตอร์” (Transistor) ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นด้วยฝีมือของนักฟิสิกส์ที่ศูนย์วิจัยเบลล์ เมื่อปี ค.ศ. 1948 และทรานซิสเตอร์ก็ได้เข้ามาแทนที่หลอดสูญญากาศที่ใช้อยู่ในวิทยุ โทรทัศน์ และคอมพิวเตอร์
เครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกได้กำเนิดขึ้นในสมัยคอมพิวเตอร์ยุคที่สองนี่เอง ซูปเปอร์คอมพิวเตอร์ คือ ระบบที่ถูกออกแบบให้สามารถทำการคำนวณได้เร็วกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆ ได้หลายเท่า ซูปเปอร์คอมพิวเตอร์ในยุคแรกๆ ได้แก่ เครื่อง CDC 6600 ซึ่งสามารถประมวลผลได้ 3 ล้านคำสั่งใน 1 วินาที ลูกค้ารายสำคัญของซูปเปอร์คอมพิวเตอร์ในขณะนั้น ได้แก่ องค์กรของรัฐบาล และธุรกิจขนาดใหญ่
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 3 (ค.ศ. 1965 – 1970)
การปฏิบัติอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์สำหรับคอมพิวเตอร์ครั้งแรกและครั้งสำคัญ ซึ่งนำไปสู่คอมพิวเตอร์ยุคที่สาม ได้แก่ การคิดค้น “วงจรเบ็ดเสร็จ” (Integrated Circuit) หรือ IC ซึ่งได้แก่ สารกึ่งตัวนำ (Semiconductor) ชิ้นเล็กๆ ที่สามารถบรรจุวงจรทางตรรกะ (Losic circuit) ไว้ได้หลายวงจร วงจรเหล่านี้จะถูกพิมพ์ลงบนซิลิกอน (Silicon) และเราเรียกมันว่า “ชิป” (Chip)
ในปี ค.ศ. 1965 บริษัท Digital Equipment Corporation (DIC) ได้เปิดตัวมินิคอมพิวเตอร์เครื่องแรกออกมาด้วยขนาดและราคาที่ย่อมเยากว่าเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ เพื่อมุ่งหวังจะให้เป็นรุ่นที่ใช้ในธุรกิจขนาดเล็ก อย่างไรก็ดีแนวการออกแบบมินิคอมพิวเตอร์ ได้แก่ การที่ผู้ใช้สามารถทำงานโต้ตอบกับระบบได้หลายๆ คนพร้อมๆ กัน อีกทั้งยังสามารถทำการเชื่อมต่อระหว่างระบบได้อีกด้วย
คอมพิวเตอร์ยุคที่ 4
จากอดีตที่ผ่านมานั้นค่อนข้างจะเห็นถึงการแบ่งคอมพิวเตอร์ได้อย่างชัดเจนโดยสรุปได้สั้นๆ ว่า ยุคที่หนึ่งเป็นยุคของหลอดสูญญากาศ ยุคที่สองเป็นยุคของทรานซิสเตอร์ และยุคที่สามเป็นยุคของวงจรเบ็ดเสร็จแต่ตั้งแต่หลังคอมพิวเตอร์ในยุคที่สามเป็นต้นมา วิวัฒนาการคอมพิวเตอร์ได้เจริญรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว
เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกได้แก่ Altair 8800 ซึ่งจำหน่ายออกมาในรูปแบบของชุดเครื่องที่ผู้ใช้จะต้องนำมาประกอบและโปรแกรมให้ทำงานเอง ต่อมาในปี ค.ศ. 1977 Stephen wozniak และ Steven Jobs ได้เปิดตัวเครื่อง Apple ในขณะเดียวกันกับที่บริษัท Radio shack ได้แนะนำเครื่อง TRS-80 ออกสู่ท้องตลาด เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์เหล่านี้ประกอบด้วยหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) จอภาพและภาษาโปรแกรมต่างๆ ในช่วงเวลานั้นถือว่าเป็นยุคของเครื่อง Apple II เพราะนัยเป็นเครื่องที่มียอดขายสูงสุด
คอมพิวเตอร์มีอยู่ 5 แบบ
1. ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ (Supercomputer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะสูงมาก แต่ยังต่ำกว่าซูปเปอร์คอมพิวเตอร์ คือปกติสามารถทำงานได้รวดเร็ว ดังนั้นจึงมีผู้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า คอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง (High performaince computer) คอมพิวเตอร์ประเภทนี้สามารถคำนวณเลขที่มีจุดทศนิยมด้วยความเร็วสูงมากขนาดหลายร้อยล้านจำนวนต่อวินาที งานที่ให้คอมพิวเตอร์ประเภทนี้ทำแค่ 1 วินาที ถ้าหากเอามาให้คนอย่างเราคิดแล้วอาจจะต้องใช้เวลานานกว่าร้อยปี
2. เมนเฟรม (Mainframe) หมายถึงคอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะสูงมาก แต่ยังต่ำกว่าซูปเปอร์คอมพิวเตอร์ คือปกติสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วหลายสิบล้านคำสั่งต่อวินาที จึงเหมาะสมกับการใช้งานทั้งในด้านวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ และธุรกิจโดยเฉพาะงานที่ต้องเกี่ยวข้องกับข้อมูลจำนวนมากๆ
3. มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer) หมายถึง คอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถสมรรถนะน้อยกว่าเครื่องเมนเฟรม คือทำงานได้ช้ากว่า และควบคุมอุปกรณ์รอบข้างได้น้อยกว่า อย่างไรก็ตามจุดเด่นสำคัญของเครื่องมินิคอมพิวเตอร์คือ ราคาย่อมเยากว่าเมนเฟรม การใช้งานก็ไม่ต้องใช้บุคลากรมากนักนอกจากนั้นยังมีผู้ที่รู้วิธีใช้มากกว่าด้วย
4. สถานีงานวิศวกรรม (Engineering workstation) หมายถึงคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่ได้รับการออกแบบมาให้ทำงานด้านวิศวกรรม เช่น การออกแบบ งานจัดการหน้าวารสาร และสิ่งพิมพ์หรืองานคำนวณที่ต้องการความเร็วสูง คำว่า “สถานีงาน” นั้นมีความหมายว่า เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีอุปกรณ์ต่างๆ ประกอบด้วย พร้อมเพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานนั้งทำงานต่างๆ ได้ครบโดยไม่จำเป็นต้องลุกจากที่นั่งไปยังใช้อุปกรณ์ในห้องอื่นๆ ด้วยเหตุนี้สถานีงานจึงเหมาะที่จะใช้ในหน่วยงานวิศวกรรม
5. ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer) หมายถึงคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กและใช้งานคนเดียว จึงนิยมเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal computer) คอมพิวเตอร์ประเภทนี้แหละที่เป็นตัวการผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างขนานใหญ่ในโลกของคอมพิวเตอร์คือทำให้เกิดความสนใจในเรื่องคอมพิวเตอร์แพร่หลายไปสู่คนทุกอาชีพและทุกวัยอย่างเช่น ในเมืองไทยนี้เองก็มีนายแพทย์จำนวนมากสนใจซื้อคอมพิวเตอร์มาศึกษาจนถึงขึ้นเขียนโปรแกรมขึ้นมาช่วยงานของโรงพยาบาลได้
วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2550
Programs of Window and Linux that similar.....
1.Linux it can play games and it has games more than Window.
2.Linux it can change background.
3.Gimp is similar program with protoshop.
4.Presentition is similar with PTT or Microsoft Power point.
5.Spreadsheet is similar with Microsoft Excel.
6.Word Processor is similar with Microsoft Word
7.Linux it can play internet.
8.Lunux it has calculator.
9.Gaim Internet Messenger is similar with MSN.
..............................
Finish-_-
วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2550
How to Install window....
Still, the fact remains that my Windows XP laptop can no longer (a) print, (b) sleep, or (c) change network settings without crashing. This is not multiple choice; it can’t do any of those things. It’s time for a clean re-install.
1. Back up entire d: drive to iMac upstairs. rsync rocks.
2. Find Windows XP install disc.
3. Reboot with Windows XP install disc.
4. Asked for product activation. Curse Microsoft.
5. Search my house in vain for my original, 100% legitimate, retail Windows XP box.
6. Reboot.
7. Search control panels in vain for a window, dialog, tab, or pane that displays my current
product key.
8. Search Google for “windows xp get current product key”.
9. Find a utility on a cracker web page in Russia that displays the current product key. This is
one of the more lame utilities, since most of the good ones allow you to change it. I don’t wish
to change it; I actually have a perfectly good product key, I just don’t know what it is.
10. Reboot with Windows XP install disc.
11. Reboot repeatedly as required.
12. Boot screen. Choose between “Windows XP Professional” and “Windows XP Professional”.
Brilliant. Pick one. The wrong one. Boot into fucked Windows XP install. Hard reboot. Pick
the right one. Make mental note to hack boot.ini later.
13. “Welcome to Windows XP. You have no useful programs and no internet access. You have 30 days left for activation. Would you like to activate now?” Yes, I would, but I have no
internet access.
14. Unnecessarily loud and cheerful startup noises. Make mental note to turn off all
sounds later.
15. Search the “Network and Internet Connections” wizards in vain for some way to set up my
Linksys wireless card. Having never done a clean install of XP (I previously upgraded from
Windows 2000), and having been moderately impressed by the new wireless networking
features in XP, I naively assumed this would “just work”. Silly rabbit.
16. Search my house for my Linksys wireless card driver install disc. Find the install disc that
came with the old card, that broke and was replaced by the new-and-improved version
3.0 card. Wonder if that will suffice.
17. Fight with the “Add New Hardware Wizard” trying to install the obviously inferior drivers
off this disc.
18. Wonder where the “Device Manager” is hiding.
19. Find the “Device Manager”. Right-click on the unknown device,
“Linksys_Instant_Wireless_Card”. Update driver. “Windows was unable to locate a driver
for this device. Would you like to search on the internet?” Yes, I’d love to, but I can’t, you
moron. Install driver from specific location. Specify WIN2000 folder on old-and-inferior
install disc.
20. “This driver is not digitally signed.” OK.
21. “This driver may cause your computer to become unstable.” OK.
22. “This driver may anally rape your mother while pouring sugar down your gas tank.” OK.
23. Nothing. No connection, no internet access, no acknowledgment of any device whatsoever.
24. Reboot.
25. Doesn’t work.
26. “Take a tour of Windows XP!” I am.
27. Reboot.
28. Doesn’t work.
29. Dig out old wired PCMCIA card. Take computer upstairs. Plug directly into switch. cmd.
ipconfig. We have an IP address. ping www.google.com. We have name resolution and
internet access.
30. Fire up Internet Explorer. runonce.msn.com. No. www.linksys.com. Support. Downloads.
WPC11. Windows XP. Linksys.com rocks.
31. Insert Linksys wireless card.
32. Back to Device Manager.
33. Uninstall old-and-inferior driver.
34. Update driver.
35. “This driver is not digitally signed.” OK.
36. “This driver may cause your computer to become unstable.” OK.
37. “This driver may…” OK.
38. cmd. ipconfig. We have internet access.
39. “Add your .NET Passport to Windows XP!” No.
40. Fire up Internet Explorer. www.msn.com. No. www.mozilla.org. Download Mozilla.
41. Realize I should create an “f8dy” user because it will make my life easier later.
42. Create “f8dy” as an administrator. Log out. Log in.
43. Install Mozilla. Yes, I would like to make you my default browser. The world is happiness
and glee.
44. “Take a tour of Windows XP!” Sigh.
45. “30 days left for activation!” Click. Yes, I would like to activate Windows over an active
internet connection, now that I have one. No, I would not like to register with
Microsoft. Yes, I have read the privacy statement and agree to give up my
computer,my civil rights, and my first-born child. I wasn’t using my civil rights anyway.
46. Back to Mozilla. Set up IMAP server. Set up SMTP server. Set up LDAP directories. Fiddle
with endless settings. Ooh, 1.5 alpha has auto-login scripts in Chatzilla. Make mental note
to get on IRC when this is all done and bitch about it to a bunch of Linux-loving hippies.
47. Search Google for “windows xp tweakui”.
48. Download TweakUiPowertoySetup.exe. Run TweakUiPowertoySetup.exe. “The procedure
entry point GetDllDirectoryW could not be located in the dynamic link library
KERNEL32.dll”
49. Dig. Dig. Dig. Aha. TweakUI requires Windows XP Service Pack 1.
50. Fire up Internet Explorer again. windowsupate.microsoft.com. “Do you want to install and
run Windows Update V4 Control?” Yes. “Always trust content from Microsoft
Corporation?” No.
51. “Windows Update has found 39 critical updates and service packs.” Install now.
52. “Service Pack 1 must be installed separately from other updates.” OK.
53. Yes, I agree to bend over, grease up, and accept the End User License Agreement.
54. Wait. Time passes.
55. Wait. Time passes.
56. Wait. Time passes. It is getting dark. You are likely to be eaten by a grue.
57. Reboot.
58. “Take a tour of Windows XP!”
59. “Add your .NET Passport to Windows XP!”
60. Fire up Internet Explorer. “Windows Update has found 26 critical updates.” This we call
progress. Install now.
61. Wait. Time passes. Reboot.
62. “Take a tour of Windows XP!”
63. “Add your .NET Passport to Windows XP!”
64. Control Panel. Display settings. Use Windows Classic theme. No desktop picture. Blank
screen saver. OK.
65. Folder options. Use Windows classic folders. Toggle virtually every View option. OK.
66. Sounds and Audio Devices. Mute. No sound theme. OK.
67. Taskbar and Start Menu. Don’t hide inactive system tray icons. Use Classic Start menu.
Customize. Show small icons in Start menu. Expand Control Panel. Don’t use personalized
menus. OK.
68. Try TweakUI again. Success.
69. Don’t beep on errors.
70. Disable combo box animation.
71. Disable cursor shadow.
72. Disable list box animation.
73. Disable menu animation.
74. Disable menu fading.
75. Disable menu selection fading.
76. Disable mouse hot tracking effects.
77. Disable tooltip animation.
78. Disable tooltip fade.
79. Disable window animation.
80. Don’t optimize hard disk when idle.
81. Don’t show Help on Start menu.
82. Don’t show Recent Documents on Start menu.
83. Don’t allow web content to be added to the desktop.
84. Clear document history on exit.
85. Disable smooth scrolling.
86. Don’t maintain document history.
87. Don’t maintain network history.
88. Don’t manipulate connected files as a unit.
89. Don’t prefix “Shortcut to” on new shortcuts.
90. Don’t show Links on Favorites.
91. Don’t show My Documents on Start menu.
92. Don’t show My Pictures on Start menu.
93. Use Classic Search in Explorer.
94. Use Classic Search in Internet Explorer.
95. Don’t use intuitive filename sorting.
96. Do use Tab to navigate Autocomplete.
97. Hide places bar in common dialogs.
98. Disable balloon tips in Taskbar and Start menu.
99. Don’t show any desktop icons.
100. Disable all document templates.
101. Auto-login as “f8dy”.
102. Quit TweakUI.
103. Delete everything in Start menu. Windows Catalog. Windows Update. Outlook Express.
Tour Windows XP. Games. Accessories. MSN Messenger. Make mental note to look up
how to completely uninstall MSN Messenger.
104. Set up command prompts. 3 for home. 4 for work. 5 for incoming. 125 width, 3000
height. 125 window width, 57 height. Do not let system position window.
105. Fire up Mozilla. www.cygwin.com. Download and install Cygwin.
That covers the essentials that I need to do my job. The rest can wait.
Readers who feel the need to point out that the title really ought to read 5 hours or fewer can suck my left tit.
วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550
OS (Operating System) That I Know...!
OS
Operating System or OS is a set of computer programs that manage the hardware and software resources of a computer. An operating system processes raw system and user input and responds by allocating and managing tasks and internal system resources as a service to users and programs of the system. At the foundation of all system software, an operating system performs basic tasks such as controlling and allocating memory, prioritizing system requests, controlling input and output devices, facilitating networking and managing file systems. Most operating systems come with an application that provides an interface to the OS managed resources. These applications have had command line interpreters as a basic user interface but, since the mid-1980s, have been implemented as a graphical user interface (GUI) for ease of operation. Operating Systems themselves have no user interfaces; the user of an OS is an application, not a person. The operating system forms a platform for other system software and for application software. Windows, Linux, and Mac OS are some of the most popular OSes.
Symbian OS
Symbian OS is a proprietary operating system, designed for mobile devices, with associated libraries, user interface frameworks and reference implementations of common tools, produced by Symbian Ltd. It is a descendant of Psion's EPOC and runs exclusively on ARM processors.
OS X
OS X is believed to offer a safer platform than Windows. Even back in my Windows days, I have never argued this, as I generally believe it to be true - just look at the numbers. Then I came across an article recently exclaiming that security professionals prefer the Mac over a Windows box for their personal use.
Mac OS
Mac OS is the trademarked name for a series of graphical user interface-based operating systems developed by Apple Inc. (formerly Apple Computer, Inc.) for their Macintosh line of computer systems. The Macintosh user experience is credited with popularizing the graphical user interface. The original form of what Apple would later name the "Mac OS" was the integral and unnamed system software first introduced in 1984 with the original Macintosh, usually referred to simply as the System software.
...........
Bye Bye